เผยเหตุผล! ทำไม คาลาฟิออรี จะเป็นกุญแจสำคัญให้กับปราการหลังของ "อาร์เซนอล"
ริคคาร์โด คาลาฟิออรี (Riccardo Calafiori) ปราการหลังเนื้อหอมจากอิตาลี ที่ได้เป็นผู้เล่นคนใหม่ของสโมสรอาร์เซนอล กลายเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญกับแนวปราการหลังของสโมสร ด้วยอายุที่ยังน้อย บวกกับทักษะในการเล่นที่โดดเด่นจากยูโร 2024 ที่ผ่านมา
ริคคาร์โด คาลาฟิออรี คือนักเตะชาวอิตาเลียน อายุ 22 ปี เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2002 ณ กรุงโรม เขามีความสูง 188 ซม. สามารถเล่นได้ทั้งในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ฟูลแบ็กซ้าย และมิดฟิลด์ริมเส้นซ้าย (อ้างอิงจาก Transfermarkt) แล้วในปัจจุบัน เขาได้เซ็นสัญญากับสโม*สรอาร์เซนอล ด้วยสัญญายาวนานถึง 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2024-2029) เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา ทำให้เขามีโอกาสที่จะได้พิสูจน์ตัวเองบนเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้อย่างแน่นอน ในฤดูกาล 2024-25 ที่กำลังจะมาถึงนี้ คาลาฟิออรี กำลังจะได้สวมเสื้อเบอร์ 33 พร้อมกับได้รับโอกาสไปเข้าร่วมการ Pre-season กับอาร์เซนอลที่สหรัฐอเมริกา แต่ตัวเขาเองก็ยังคงต้องเตรียมพร้อมทั้งสภาพร่างกาย ภาษา การใช้ชีวิต และการพบกับผู้จัดการทีม รวมถึงเพื่อนร่วมทีมหน้าใหม่ด้วย!
โดยปกติแล้ว คาลาฟิออรี จะถนัดเท้าซ้ายเป็นหลัก ทำให้เขามักถูกจับไปอยู่ในตำแหน่งฟูลแบ็กซ้าย หรือวิงแบ็กซ้าย ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ในช่วงที่เขาได้ไปเล่นให้กับสโมสรโบโลญญา ภายใต้การคุมทีมของ ติอาโก มอตตา ภายในเวลานั้น ด้วยความสามารถของเขาที่สามารถขึ้นเกมรุกจากการส่งบอลที่เฉียบขาดในแดนซ้ายของสนาม ทำให้เขาเริ่มสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในกองหลังที่ดีที่สุดของลีกเซเรียอา อิตาลี ในช่วงฤดูกาล 2023-24 ที่ผ่านมา
สำหรับแผนการเล่นต่าง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะเขาสามารถเล่นได้ทั้งแบบ แบ็ก 3 หรือ แบ็ก 4 แล้วในขณะที่ตัวเขาเองก็สามารถกดดันคู่แข่ง เข้าปะทะได้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังมีสกิลการเลี้ยงบอลที่โดดเด่น ทำให้เขากลายเป็นกองหลังอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ ซึ่งความสามารถในส่วนนี้จะเข้ากับการคุมทีมของ มิเกล อาร์เตตา กุนซือของอาร์เซนอลอย่างแน่นอน เพราะอาร์เตตาก็มีจุดเด่นในด้านการปรับแผนการเล่นที่คาดการณ์ไม่ได้ ทำให้หลายทีมที่ต้องเจอ 'ปืน' ก็ต้องพบกับงานยากลำบากในทุกครั้ง!
นอกจากนี้ เขายังสามารถเล่นลูกบอลได้ทั้งบอลสั้นและบอลยาว หรือจะเป็นลูกกลางอากาศก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร ในช่วงที่เขาได้เล่นในตำแหน่งริมเส้น เขาก็มักจะมีบทบาทในการจ่ายลูกครอสให้เพื่อนร่วมทีมเข้าไปทำประตูได้อีกด้วย เรียกได้ว่าหายห่วงเรื่องแดนซ้ายของทีมไปได้เลย!
คาลาฟิออรี เป็นหนึ่งในนักเตะอิตาเลียนที่ฉายแววได้มากที่สุดในรอบหลายปีนี้ เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา เขาติดอันดับ 60 ผู้เล่นอายุน้อยที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอล ตามด้วยการติด 50 ผู้เล่นแห่งอนาคตเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา
ก่อนที่เขาจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาก็เคยต้องพบกับความเศร้ามาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เขาต้องพบกับอาการเอ็นไขว้หน้าขาดในช่วงที่เป็นนักเตะเยาวชน ทำให้ต้องพักไปนานกว่า 1 ปี แล้วพอได้ขึ้นสู่สโมสรโรมาในบ้านเกิดของเขา ก็ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้อีก แต่หลังจากที่เขาได้ย้ายไปเล่นที่บาเซิลในสวิตเซอร์แลนด์ ความมั่นใจและความสามารถในการเล่นของเขา ก็เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในวันหนึ่ง เขาก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่อิตาลี ในสโมสรโบโลญญา ซึ่งในตอนนั้น ติอาโก มอตตา ได้เข้ามาคุมทีมพอดี แล้วทางผู้จัดการทีมรายนี้ ก็ได้ยกระดับคาลาฟิออรี ให้กลายเป็นปีศาจแห่งปราการหลังในเซเรียอา แถมยังทำให้เขามีส่วนสำคัญในการพาโบโลญญาไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในสโมสรอีกด้วย!
สำหรับการเข้ามาของคาลาฟิออรีสู่อาร์เซนอล ก็ทำให้แนวปราการหลังของสโมสรเริ่มมีตัวเลือกในการใช้งานเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก ในปัจจุบัน พวกเขามีกองหลังมากความสามารถอยู่หลายคนให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น วิลเลียม ซาลีบา, คีแรน เทียร์นีย์, เบน ไวท์, กาเบรียล มากัลเญซ, ยือเรียน ติมเบอร์, ยาคุบ คิวิออร์ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ซึ่งหลายคนก็อาจสงสัยว่า แล้วคาลาฟิออรี จะไปเบียดตำแหน่งกับใครได้ ถ้าในมุมมองของผู้จัดการทีมอย่างอาร์เตตา ยังไงเขาก็ต้องตัดสินใจเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดในช่วงการฝึกซ้อม รวมถึงการเล่นให้เข้ากับแผนที่เขาต้องการ เหตุผลนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ คาลาฟิออรี รวมถึงผู้เล่นแนวหลังทุกคนในทีมต่างต้อง 'ชาเลนจ์' กันมากขึ้น เพื่อรักษาตำแหน่งตัวจริงของตัวเองให้มั่น
แต่ในส่วนของคาลาฟิออรีเองก็อาจต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ เพราะเขาเป็นเหมือน 'เด็กใหม่' ประจำทีม แล้วยังไม่เคยมีประสบการณ์บนพื้นหญ้าเกาะอังกฤษ นั่นจึงทำให้เขาต้องเริ่มพิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่ช่วงออกทัวร์ Pre-season กับสโมสร แล้วถ้าหากเขาทำผลงานได้ดี มันก็ย่อมมีโอกาสที่อาร์เตตาจะส่งเขาลงเล่นในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้แน่นอน!
หลังจากนี้ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า คาลาฟิออรี จะสามารถเฉิดฉายบนเวทีพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เหมือนกับที่เขาเคยทำไว้ที่อิตาลี และศึกยูโร 2024 ได้อีกหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป!